3 เคล็ดลับ ออกแบบชีวิตและอาชีพให้สำเร็จ

3 เคล็ดลับ ออกแบบชีวิตและอาชีพให้สำเร็จ



เคล็ดลับที่ 
1 – อย่ารอให้การทำงานมาเปลี่ยนชีวิตเรา เราสามารถเลือกวิถีชีวิตและเลือกงานได้

  • Technology & Life Integration – เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาอยู่ในทุกมิติของการใช้ชีวิต ทำให้ชีวิตเรามีตัวเลือกมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา ไปจนถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หากเรารู้จักวิธีที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • Work & Life Integration – ปัจจุบันเราไม่สามารถแยกเรื่องของการทำงานออกจากการใช้ชีวิตได้อีกต่อไป ไม่มีใครที่บอกว่าทำงานแค่ 8 โมงถึง 6 โมงเท่านั้น เพราะเรื่องการทำงานถูกกลืนเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันและสิ่งที่เราทำได้คือ การบริหารจัดการเวลาด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดการบูรณาการของการทำงานและการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม
  • Design Your Own Career – ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนไป คนเราสามารถออกแบบชีวิต ออกแบบ การทำงานได้ด้วยตัวเอง แต่อาจต้องเริ่มจากการตั้งคำถามสำคัญกับตนเอง เช่น สำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องเริ่มจากการตั้งคำถามว่า อยากทำงานในอุตสาหกรรมแบบไหนและทักษะตัวไหนบ้างที่จำเป็นในการทำงานนั้นๆ สำหรับคนที่เป็นฟรีแลนซ์ ต้องบอกตัวเองอยู่เสมอว่า อย่าหยุดอยู่แค่บทบาทหรืออาชีพเดียว เพราะความต้องการของลูกค้าทุกวันนี้เปลี่ยนเร็วมาก เราต้องหาวิธีเพิ่มคุณค่าในตัวเอง และสำหรับคนที่พึ่งจบใหม่ สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องฝันให้ใหญ่ กล้าที่จะล้ม พร้อมเปิดใจเรียนรู้ว่าต้องการอะไรในชีวิตและงานใดที่จะพาเราไปสู่ความฝันนั้น

เคล็ดลับที่ 2 – วิธีคิดที่ชอบ ทักษะที่ใช่ ทำให้เราไปได้ไกลกว่าเดิม

เมื่อเห็นภาพของการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการใช้ชีวิตและเรื่องของการทำงานแล้ว จนเข้าใจว่าตัวเราเองสามารถเป็นคนออกแบบชีวิตและอาชีพได้อย่างไรนั้น ขั้นตอนต่อไปเพื่อเดินทางให้เข้าใกล้สู่จุดมุ่งหมายนั้นๆ คือการเลือกวิธีคิด (Mindset) ที่ชอบ ที่จะช่วยให้เราก้าวสู่เป้าหมายของเราได้ดีขึ้น รวมถึงการมีทักษะ (Skillset) ที่ใช่สำหรับอนาคตที่เราอยากมี หรืออยากเป็น

ในส่วนเรื่องของวิธีคิด (mindset) นี่คือ 5 มายด์เซ็ตที่ช่วยทำให้ฝันของใครหลายๆ คนเป็นจริงมาแล้ว

  • Growth Mindset – คือความเชื่อที่ว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่สามารถพัฒนาได้ตลอดชีวิต เป็นอะไรก็ได้ตามที่ใจอยาก มีศักยภาพด้านใดก็ได้ถ้ามีความทุ่มเทและความพยายามมากพอ
  • Outward Mindset – คือวิธีคิดที่ช่วยให้เราเปิดกว้างในเรื่องการเรียนรู้จากคนหลากหลายแบบบนโลกใบนี้ ที่อาจไม่ได้ถูกจริต ต้องชะตากันเสมอไป ไม่ได้เห็นด้วยกับเรา 100% ในทุกเรื่องเพราะแต่ละคนมีโจทย์ชีวิต ที่แตกต่างกัน แต่การมีวิธีคิดเช่นนี้จะทำให้เราเห็นความสำคัญของทุกคน เห็นผลประโยชน์สูงสุดร่วมกัน เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้จากคนมากหน้าหลายตา ทำให้เราเรียนรู้ได้ในทุกบริบท
  • Learning Mindset – เป็นรูปแบบวิธีคิดที่เชื่อว่า มีแต่ตัวเราเองเท่านั้นที่จะสร้างแรงผลัก ลุกขึ้นมาท้าทายตัวเองเพื่อให้พัฒนาและเกิดการเรียนรู้ จนสามารถพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่สูงและดีกว่าเดิม
  • Agile Mindset  ไม่ยอมแพ้กับอุปสรรค แต่กลับมองเรื่องอุปสรรคความท้าทายต่างๆ เป็นส่วนหนึ่ง ของการเรียนรู้ เชื่อว่าการทำงานและแก้ไขปัญหาร่วมกัน ความพยายามในการปรับแก้ พร้อมหาแนวทางใหม่ๆ จะนำไปสู่ทางออก และคำตอบใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิมและสร้างการเปลี่ยนแปลงได้
  • Curious Mindset – คือวิธีคิดแบบที่ต้องเอาตัวเองไปสู่โลกภายนอกที่เราไม่คุ้นเคย เพื่อเรียนรู้สิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เพิ่มนิสัยอยากรู้อยากเห็นและกล้าเผชิญความท้าทาย

เมื่อเห็นแล้วว่า 5 วิธีคิดนี้จะช่วยสร้างความสำเร็จและทำให้ฝันใกล้เป็นจริงขึ้นได้อย่างไร ต้องอย่าลืมหันกลับมามองเรื่องของทักษะที่จำเป็นต้องมีด้วย หากแต่เรื่องของทักษะจะแตกต่างกับเรื่องของวิธีคิดตรงที่ไม่มีใครตอบได้ว่าทักษะใดสำคัญที่สุดตอนนี้ เพราะเรื่องทักษะเป็นสิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยน เติมเต็ม และพัฒนา (Evolving) อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านความรู้ เทคนิค วิชาการ (Hard Skills) หรือ ทักษะทางสังคมหรือด้านอารมณ์ (Soft Skills)

เคล็ดลับที่ 3 – เทคนิคปรับวิธีคิด เปลี่ยนทักษะ

ทุกวันนี้หลายๆ คนทราบกันดีอยู่แล้วว่า มายด์เซ็ตกลายมาเป็นหัวใจสำคัญในเรื่องการพัฒนาคน เพราะคือสิ่งที่กำหนดพฤติกรรมทั้งหมดของมนุษย์ ซึ่งแปลว่าการพัฒนามายด์เซ็ตก็เท่ากับเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน แต่เรื่องการปรับมายด์เซ็ตก็ไม่ได้ง่าย หากแต่ต้องใช้เวลาฝึกฝน สร้างให้เกิดเป็นนิสัย เช่นเดียวกันในมุมของการพัฒนาเรื่องทักษะความสามารถที่ต้องอาศัยการฝึกปฏิบัติ การลงมือใช้งานเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ประกอบกับต้อง Reskill คือการมองหาและสร้างทักษะใหม่ๆ ที่ตอบรับกับเทรนด์โลกในปัจจุบัน และการ Upskill คือมุ่งเสริมและพัฒนาทักษะเดิมที่มีอยู่ให้ทักษะนั้นยังสามารถใช้กับโลกปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : www.smeone.info 

 1155
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

สำหรับหัวหน้างานการตั้ง KPI ให้ลงตัวกับคนในทีมเป็นเรื่องสำคัญ การรู้เทคนิคกำหนด KPI หรือ Key Performance Indicator แบบทีมเวิร์ค ให้งานดี งานเดิน ไม่เกินตัว จะช่วยให้งานมีประสิทธิภาพ ไม่หนักหนาเกินรับไหวและไม่น้อยเกินไปจนขาดความท้าทาย
ต้องยอมรับว่าในแต่ละองค์กรนั้นประกอบด้วยพนักงานที่มาจากหลากหลายสถานที่ หรือเรียกให้เข้าใจกันง่าย ๆ ว่า “ร้อยพ่อพันแม่” ไม่มีใครที่มีอะไรหรือคิดอะไรเหมือนกัน อีกทั้งยังมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน การที่เราจะทำให้คนที่มีพื้นฐานที่แตกต่างกันเข้ากันให้ได้นั้น เป็นเรื่องค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้
ถูกเลิกจ้าง ต้องตกงาน หรือ ออกจากงานกระทันหัน เหตุการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นกันได้กับทุกคน ไม่ว่าเราจะทำงานดีหรือไม่ดีก็ตาม แล้วเราจะรับมืออย่างไร?
จัดลำดับการทำงานให้ดีมีแต่ความสำเร็จ แต่จงจำเอาไว้ว่าควรทำงานที่สำคัญที่สุดก่อนเป็นอันดับแรกสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการทำงานคือเรื่องของเวลา ที่จะเป็นสิ่งที่ช่วยบริหารระดับขั้นตอนการทำงานของเราได้เป็นอย่างดี อยู่ที่ว่าเราจะใช้เวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ต้องมองการณ์ไกลและวางแผนทุกครั้งในการเริ่มต้นทำงานเพื่อผลักดันให้ตัวเองมีเป้าหมายและไปสู่ในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ 
คอร์สอบรมการใช้งานโปรแกรม

คอร์สอบรมการใช้งานโปรแกรม

ลูกค้าโปรซอฟท์ อบรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ศูนย์ Prosoft Training Center
ติดต่อเรา

ติดต่อฝ่ายขาย

02-402-6117, 081-359-6920

sale@prosoft.co.th

ติดต่อฝ่ายบริการ โปรแกรมบัญชี

02-096-4900 กด 2 (AUTO)

02-739-5902

support@prosoftwinspeed.com

ติดต่อฝ่ายบริการ โปรแกรมเงินเดือน

02-096-4900 กด 3 (AUTO)

02-739-5903

support@prosofthrmi.com

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์