5 วิธีเพิ่มยอดขายแบบไม่ต้องเพิ่มลูกค้า

5 วิธีเพิ่มยอดขายแบบไม่ต้องเพิ่มลูกค้า



ช่วงนี้ร้านค้าบ่นกันอุบว่าทำไมมันดูเงียบๆเหลือเกิน ในห้างสรรพนสินค้าบางแห่งเคยถามพ่อค้าแม่ค้าบอกว่าวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ นี่ขายของแทบไม่ได้ ลูกค้ามีเยอะหน่อยก็เสาร์-อาทิตย์ เมื่อก่อนรายได้ต่อเดือนหักลบกลบหนี้จ่ายค่าเช่าที่ยังพอเหลือเก็บบ้าง แต่เดี๋ยวนี้หักรายจ่ายเสร็จยังเหลือให้ใช้ได้บ้างนิดหน่อยก็ดีถม เรื่องเงินเก็บไม่ต้องคิดเอาให้พอเป็นเดือนๆ ไปก็ดีแค่ไหนแล้ว
ในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และเข้าใจว่าปัญหามันเกิดจากหลายปัจจัยผสมผสานกัน การแก้ปัญหาที่แท้จริงต้องทำอย่างเป็นระบบ แต่ในขณะที่เราไปแก้ปัญหาส่วนอื่นไม่ได้ก็ต้องพยายามแก้ปัญหาตัวเอง ผ่อนหนักให้เป็นเบางานนี้เราจึงมีวิธีเพิ่มยอดขายแบบไม่ต้องเพิ่มลูกค้ามาฝาก เผื่อไว้เป็นเทคนิคช่วยเหลือตัวเองในยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้
 
1.การเพิ่มปริมาณการซื้อสินค้าต่อครั้ง
การเพิ่มปริมาณการซื้อสินค้าต่อครั้ง คือ การส่งเสริมให้ลูกค้าซื้อสินค้าในปริมาณหรือในจำนวนที่มากขึ้น เมื่อลูกค้าซื้อเพิ่มขึ้น ลูกค้าก็ต้องชำระเงินมากขึ้นไปโดยปริยาย วิธีดังกล่าว นอกจากจะทำให้ยอดขายของท่านนักขายเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการลดความถี่ในการซื้อสินค้าลงด้วย

หากถามว่าการลดความถี่ในการซื้อสินค้าลงนั้นดีอย่างไร คำตอบก็คือ ยิ่งความถี่ในการซื้อสินค้าลดลงมากเพียงใด ก็แสดงว่าโอกาสที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าของคู่แข่งขันก็มีน้อยลงเท่านั้น เท่ากับเป็นการบล็อคคู่แข่งของเราไปในตัวได้อีกทางหนึ่งด้วย
 
ตัวอย่างเช่นการจำหน่ายยาสีฟันหลอดคู่ (2หลอดใหญ่ ในกล่องเดียวกัน) แทนที่จะจำหน่ายเพียง 1 หลอด 1 กล่องเหมือนในอดีต หรือในปัจจุบันบริษัทที่จำหน่ายกระดาษทิชชู ได้จำหน่ายกระดาษทิชชู่ในหีบห่อที่ใหญ่ขึ้น (ขนาด 32 ม้วน) แทนที่จะจำหน่ายเพียงห่อละ 6 ม้วน วิธีการเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างยอดขายให้สูงขึ้น ด้วยการให้ลูกค้าเพิ่มปริมาณการซื้อสินค้าในแต่ละครั้งมากขึ้น
 
2.ขายสินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้นหรือราคาสูงขึ้น
เทคนิคนี้ต้องสังเกตจากตอนที่นำรถเข้าศูนย์บริการที่ส่วนใหญ่ช่างผู้ชำนาญงานจะแนะนำให้เราเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์หรือกึ่งสังเคราะห์ โดยพูดถึงแรงจูงใจเหตุผลว่าทำไมเราควรเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเครื่องรุ่นที่ดีกว่า โดยการพูดถึงประโยชน์ที่เราจะได้รับ พูดให้มองเห็นภาพว่าการจ่ายเงินในจุดนี้ที่มากขึ้น

แท้ที่จริงมันคุ้มค่าแค่ไหนในระยะยาว แน่นอนว่าภาพรวมของเรื่องนี้คือช่างผู้ชำนาญงานก็จะได้ประโยชน์จากการขายสินค้าได้ และธุรกิจก็มีกำไรจากการขายมากขึ้นในขณะที่ไม่ต้องเพิ่มลูกค้า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ร้านค้าทั่วไปเอาประยุกต์ใช้ได้ ไม่ว่าจะร้านขายเครื่องไฟฟ้า  อาหาร หรือว่าเครื่องดื่มก็ตามที
 
3.การขายสินค้าควบคู่
ถ้าเข้า 7-11 บ่อยๆจะเข้าใจชัดเจน เทคนิคนี้เรียกอีกอย่างว่า Plus Sales คือการนำเสนอขายสินค้าเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าทุกครั้งที่ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการ อาศัยหลักว่าหากหนึ่งครั้งเพิ่มยอดขายได้ 5 บาท วันหนึ่งมีลูกค้า 100 คน ก็เพิ่มยอดขายได้ 500 บาท ซึ่งการ Plus Sales อาจดูว่าเป็นการเพิ่มที่ไม่มาก แต่ลองคำนวณดูว่าแต่ละเดือนหากทำได้วันละ 500 หนึ่งเดือนก็มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 15,000 บาท

ดังนั้นอย่าแปลกใจที่เราจะได้ยินทุกทีตอนคิดเงินว่า รับสินค้าตัวนี้ตัวนั้นเพิ่มด้วยไหมคะ มาใหม่นะคะ ลองไหมคะ นี่คือเทคนิคการเพิ่มยอดขายล้วนๆ
 
4.จัดกิจกรรม Sale
คำว่า Sale ยังมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ หากไม่เชื่อลองจัดกิจกรรมนี้ ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าร้านเราพร้อมจะ Sale ตั้งแต่วันไหนถึงวันไหน แน่นอนว่าเราไม่ได้ลดราคาสินค้าทุกชนิด มันจะมีสินค้าบางชนิดเท่านั้นที่เราลดราคา สิ่งสำคัญคือเราต้องแจ้งลูกค้าว่าสินค้าที่เราลดราคามีอะไรบ้าง

เทคนิคการลดราคาก็ต้องดูว่าสินค้าไหนที่เราต้องการเคลียร์สต็อคหรือเป็นสินค้าที่เก็บไว้ก็ไม่ทำให้เกิดรายได้ นำมา Sale เพื่อดึงเงินเข้าร้านได้บางส่วน แต่ความหมายที่แท้จริงเมื่อลูกค้ามาซื้อของ Sale บางส่วนก็จะซื้อสินค้าชนิดอื่นที่ไม่ได้ลดราคาติดไม้ติดมือไปด้วย และนั่นคือส่วนที่จะทำให้เรามียอดขายเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มลูกค้าแต่อย่างใด
 
5.กิจกรรมแลกซื้อยังใช้ได้ผล
อีกหนึ่งกลยุทธ์จากร้านสะดวกซื้อแต่ใช้ได้ผลดียิ่ง หากร้านค้าปลีกทั่วไปจะลองเอาใช้บ้างก็คงดีไม่น้อย กับกิจกรรมแลกซื้อที่มีของรางวัลพรีเมี่ยมมาล่อใจ ด้วยการสะสมแต้ม หรือแสตมป์ต่างๆ หลายคนยอมรับว่าเห็นกิจกรรมแบบนี้ก็อดใจไม่ไหว ทั้งที่บางทีคำนวณแล้วว่าเงินที่ใช้ซื้อสินค้ากว่าจะแลกของพรีเมี่ยมได้ บางทีราคารวมสูงกว่าของรางวัล

แต่หลายคนเลือกมองข้ามเพราะคิดว่ายังไงฉันก็ต้องซื้ออยู่แล้ว ของรางวัลพวกนี้เป็นของแถมที่ได้มา แต่เอาเข้าจริง บางคนก็ซื้อมากกว่าเดิมเพื่อให้ได้แต้มสะสมมากพอเอาไว้แลกของ เท่ากับเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้ดีที่สุดด้วย
 
ในยุคที่เศรษฐกิจยังไม่สู้ดีนัก รายรับไม่พอกับรายจ่าย การค้าขายก็ต้องมีกลยุทธ์และมีเทคนิคการตลาดที่ดีมากขึ้น เราต้องพยายามเรียนรู้และหาเทคนิคใหม่ๆ เอามาใช้ให้เหมาะสมหากนิ่งอยู่กับที่งานนี้มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ก่อนคิดจะให้ใครมาช่วยเราควรช่วยตัวเองให้ถึงที่สุดก่อนจะดีกว่า


ที่มา : http://www.thaifranchisecenter.com/
 7661
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ปัจจุบัน โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป ที่มีอยู่มีอยู่ในท้องตลาด ถูกผลิตออกมาอย่างมากมาย และธุรกิจก็ได้เติบโตขึ้นมากมายหลากหลายประเภท แล้วแบบนี้นักบัญชีและเจ้าของกิจการจะตัดสินใจเลือกโปรแกรมบัญชีอย่างไรให้เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง วันนี้ Prosoft เรามีคำตอบค่ะ
โปรแกรมบัญชี และ โปรแกรม ERP ล้วนแล้วแต่เป็นซอฟต์แวร์ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะช่วยบริหารจัดการงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งานบัญชี ควบคุมการผลิต และจัดการคลังสินค้า เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่
โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป Prosoft WINSpeed ช่วยให้การสร้างเอกสารทางบัญชีนั้นเป็นเรื่องง่าย ลดความผิดพลาด ประหยัดเวลา ช่วยออกเอกสารที่สำคัญ ปิดงบการเงินได้ง่ายๆ หมดกังวลกับปัญหาที่จะตามมา พร้อมฟังก์ชั่นดีๆอีกมากมาย
อุตสาหกรรมการผลิต เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเศรษฐกิจที่สำคัญมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ SMEs ทั้งขนาดเล็ก-ขนาดกลาง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในหลายๆ เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์อย่าง โปรแกรมบัญชี กับ ระบบบริหารต้นทุนการผลิต (Job Cost) ที่ช่วยบริหารจัดการทรัพยากรการผลิต
คอร์สอบรมการใช้งานโปรแกรม

คอร์สอบรมการใช้งานโปรแกรม

ลูกค้าโปรซอฟท์ อบรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ศูนย์ Prosoft Training Center
ติดต่อเรา

ติดต่อฝ่ายขาย

02-402-6117, 081-359-6920

sale@prosoft.co.th

ติดต่อฝ่ายบริการ โปรแกรมบัญชี

02-096-4900 กด 2 (AUTO)

02-739-5902

support@prosoftwinspeed.com

ติดต่อฝ่ายบริการ โปรแกรมเงินเดือน

02-096-4900 กด 3 (AUTO)

02-739-5903

support@prosofthrmi.com

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์